การบำรุงรักษาถังกรองสระว่ายน้ำ

การบำรุงรักษาถังกรองสระว่ายน้ำ

ขั้นตอนการดูแลรักษาถังกรองสระว่ายน้ำ แบบกรองทรายและแบบกรองผ้า

หากต้องการให้สระว่ายน้ำของคุณสะอาดปราศจากฝุ่นละอองและเชื้อโรค และมีน้ำที่ใสสะอาดน่าว่าย ก็ควรหมั่นทำความสะอาดถังกรองสระว่ายน้ำอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อขจัดฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในถังกรองสระว่ายน้ำ และเพื่อให้ถังกรองสระว่ายน้ำพร้อมใช้งานตลอดเวลา ซึ่งวิธีการดูแลรักษาและทำความสะอาดถังกรองสระว่ายน้ำนั้น สามารถแบ่งได้ตามประเภทของถังกรอง ดังนี้

1.การทำความสะอาดถังกรองสระว่ายน้ำแบบกรองทรายแบบไม่เปิดฝาถัง

การล้างระบบถังกรองทรายแบบไม่เปิดฝาถัง หรือ การล้างระบบถังกรองแบบล้างย้อน เป็นขั้นตอนการทำความสะอาดระบบถังกรองสระว่ายน้ำที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป ซึ่งจะมีมัลติพอร์ทวาล์ว ควบคุมการทำงานอยู่ โดยให้สังเกตจากแรงดันที่เกจวัดความดัน (pressure gauge) ถ้าเกจวัดความดันน้ำขึ้นเกิน 20-30 PSI ให้ทำการล้างระบบถังกรองทุกครั้ง เพราะหากยังเดินเครื่องที่ความดันดังกล่าวต่อไป จะมีผลให้แรงดันตกคร่อมที่ถังกรองกับมอเตอร์ปั๊มน้ำ ทำให้มอเตอร์ร้อนจนเกิดการไหม้ได้และอาจเกิดการรั่วซึมในเวลาต่อมา เนื่องจากความร้อนที่สะสมมากจนเกินไป จะทำให้วัสดุซีลต่าง ๆ เสื่อมสภาพได้ หรือหากต้องการทำความสะอาดทราบกรองเป็นประจำ ก็สามารถทำได้ทุก 2 สัปดาห์

ก่อนการล้างระบบถังกรองทุกครั้ง จะต้องปิดสวิทซ์ไฟมอเตอร์ปั้มน้ำทุกครั้ง แล้วทำการปรับตำแหน่งมัลติพอร์ทวาล์วไปที่ตำแหน่ง “Back wash” จากนั้นให้เปิดสวิทซ์ไฟมอเตอร์ปั้มน้ำ เพื่อเดินเครื่อง และสังเกตน้ำในหลอดแก้วมัลติพอร์ทวาล์ว หากน้ำในหลอดแก้วใสแล้วเป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการทำ Back wash

หากผู้ดูแลอุปกรณ์สระว่ายน้ำใช้เวลาในการทำ Back wash นานจนเกินไป ผู้ดูแลอุปกรณ์สระว่ายน้ำจะต้องทำการเติมน้ำและปรับสภาพน้ำในสระว่ายน้ำด้วย เพราะน้ำที่ใช้ในการทำ Back wash จะเป็นน้ำที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ดังนั้น การทำความสะอาดอุปกรณ์สระว่ายน้ำในขั้นตอนนี้ จะต้องใช้เวลาไม่เกิน 2-3 นาที เท่านั้น

2.การทำความสะอาดถังกรองสระว่ายน้ำแบบกรองทรายแบบเปิดฝาถัง

ได้เปิดการใช้งานเครื่องกรองทรายได้ประมาณ 3-4 ปี ทรายในถังกรองจะเริ่มหมดประสิทธิภาพในการกรอง เนื่องจากเม็ดทรายกรองจะมีลักษณะโครงสร้างเป็นแบบเม็ดเหลี่ยมเรียงตัวดันแน่น แต่เมื่อมีการเปิดใช้งานอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เหลี่ยมมุม ของเม็ดทรายกร่อนตัว ส่งผลให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ง่าย และทำให้ความสามารถในการดักจับฝุ่นตะกอนในสระว่ายน้ำลดลง ซึ่งทำให้ผู้ดูแลต้องทำการเปลี่ยนทรายกรองใหม่ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

ปิดวาล์วทุกชนิดของสระว่ายน้ำและถังกรองสระว่ายน้ำ ได้แก่ วาล์วส่งน้ำเข้าสระ, วาล์วแทงค์น้ำล้น, วาล์วดูดตะกอน, วาล์วสะดือ และวาล์วส่งน้ำเข้าถังกรองสระว่ายน้ำ

• ปล่อยน้ำออกจากถังกรองสระว่ายน้ำแบบกรองทรายให้หมด

• เปิดฝาถังกรองสระว่ายน้ำ และถอดมัลติพอร์ทวาล์วออกด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันท่อแกนกลางของไส้กรองแตกหักเสียหาย

• ปิดปากท่อแกนกลางของไส้กรองด้วยถุงพลาสติกหรือเทปกาวให้แน่นสนิท ก่อนจะใช้ถ้วยพลาสติกคนทรายให้ทั่ว แล้วค่อย ๆ ตักทรายในถังกรองทรายขึ้นมา จนกระทั่งทรายอยู่ในระดับหัวกรองของไส้กรอง จึงค่อย ๆ ดึงแกนกลางของไส้กรองออกมา แล้วเททรายที่เหลือออกจนหมด

• เมื่อนำทรายชุดเก่าที่เสื่อมสภาพออกจากถังกรองสระว่ายน้ำแบบกรองทรายจนหมดแล้ว ให้ตรวจสอบไส้กรองว่าชำรุดหรือไม่ แล้วล้างส่วนต่าง ๆ ของถังกรองสระว่ายน้ำให้สะอาด

• ปิดฝาท่อน้ำทิ้งของถังกรองสระว่ายน้ำ แล้วเติมน้ำเข้าไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ทรายกระแทกถังตอนเททรายลงไป จากนั้นจึงเติมทรายชุดใหม่ลงไปในถังกรองสระว่ายน้ำจนอยู่ในระดับที่กำหนด จากนั้นปิดฝาถังให้เรียบร้อย

• ปรับโหมดของวาล์วต่าง ๆ ให้ทำงานตามปกติ แล้วปรับมัลติพอร์ทวาล์วไปที่ตำแหน่ง Backwash แล้วเปิดปั๊มน้ำ เพื่อปล่อยให้น้ำเข้าไปทำความสะอาดฝุ่นละอองในทรายชุดใหม่จากล่างขึ้นบน จากนั้นปรับเป็นโหมด Rinse อีกครั้ง เพื่อล้างทำความสะอาดทรายกรองชุดใหม่จากด้านบนลงล่าง

• เมื่อทรายกรองชุดใหม่ในถังกรองสระว่ายน้ำสะอาดดีแล้ว ให้ปิดปั๊มน้ำ แล้วปรับตำแหน่งของมัลติพอร์ทวาล์วไปที่ตำแหน่ง Filter จากนั้นเปิดวาล์วและสวิตช์ต่าง ๆ ของถังกรองสระว่ายน้ำและปั๊มน้ำให้ทำงานตามปกติ

สังเกตเกจ์วัดความดันของถังกรองสระว่ายน้ำอยู่เสมอ หากพบว่าแรงดันภายในถังกรองสระว่ายน้ำมีค่าสูงเกินกว่า 20-30 PSI ให้รีบทำความสะอาดถังกรองสระว่ายน้ำทันที และไม่ควรฝืนใช้งานต่อเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องร้อนเกินไปจนเกิดการชำรุดเสียหาย การดูแลรักษาความสะอาดของถังกรองสระว่ายน้ำอยู่เสมอ จะช่วยให้น้ำในสระว่ายน้ำของคุณใสสะอาด ไม่มีเชื้อโรคและฝุ่นละออง รวมถึงตะไคร่น้ำ ซึ่งการรักษาสภาพน้ำในสระให้ใสสะอาด นอกจากจะทำให้สระว่ายน้ำของคุณดูสวยงามน่าใช้แล้ว ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการว่ายน้ำในน้ำที่ไม่สะอาดอีกด้วย